รายงานการประชุมจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าวัดลำปำ

on 20 February 2009

ผ่านพ้นไปแล้วครับสำหรับการประชุมการจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าวัดลำปำ โดยเวลาประมาณ 21.30น. เมื่อคืนที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 การประชุมจัดขึ้นที่ศาลาการเปรียญ (โรงธรรม) ซึ่งมีท่านพระอาจารย์พระครูปริยัติธรรมวิธาน (อาจารย์พริ้ม) เป็นประธาน

การประชุมครั้งนี้มีศิษย์เก่า (ทั้งอาวุโส และ นักเรียนเก่า) จากบ้านลำปำ พรุฆ้อ เข้าร่วมประมาณ 70 คน นอกจากนี้อาจารย์แนบ ราฎเจริญ จากบ้านประดู่ (ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านปรายระไม) และ ผู้ใหญ่บ้านเกี๋ยน บ้านลำปำ ให้เกรียติร่วมงานด้วย

หลังจากเสร็จสิ้นการสวดมนต์โดยการนำของอาจารย์แนบ นายจรัญ รัตนประทุม (นายพล) ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นพิธีกร กล่าวแก่ที่ประชุม

ทั้งนี้นายพลได้แถลงเกี่ยวโครงการจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่าวัดลำปำ โดยมีวัตถุประสงดังนี้
· เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างศิษย์เก่า และวัด ฯ
· เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ประสบการณ์ ระหว่างศิษย์เก่า และ คณะอาจารย์ พระสงฆ์ ของวัดฯ
· เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างศิษย์เก่า และวัดในการดำเนินกิจการอันเป็น ประโยชน์ต่อสังคม
· เพื่อส่งเสริมด้านสวัสดิการแก่สมาชิก
· เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ และให้บรรลุวัตถุประสงค์ ตั้งไว้ของสมาชิก ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง
· เพื่อส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของวัดฯ ให้เจริญก้าวหน้า
โดยสมาชิกของชมรมคือผู้ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวัดลำปำ

นอกจากนี้แล้วนายพลได้กล่าวว่า ปัจจุบันคณะศิษย์เก่าได้ห่างหายไปจากวัดเป็นเวลานานพอสมควร ทั้งนี้ก็เนื่องจากหน้าที่การงาน ตลอดถึงภาระทางครอบครัว

ในขณะเดียวกัน สถานะการปัจจุบัน นับว่าทางสังคมวัดลำปำ ไม่ค่อยปรองดองเหมือนแต่ก่อน ทั้งนี้ก็สืบเนื่องจากเหตุผลและปัญหาบางประการ

เพื่อทำให้วัดลำปำกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ทางคณะศิษย์จึงต้องการจัดตั้งสมาคมเพื่อดำเนินกิจกรรมอย่างมีระบบ ฉะนั้นจึงขอความร่วมมือทางคณะศิษย์และชาวบ้าน สังคมวัด ร่วมมือร่วมใจกันอย่างสมานฉันต์

หลังจากที่นายพลกล่าวเสร็จ อาจารย์พริ้มโดยให้โอวาทแก่คณะศิษย์ ซึ่งมีใจความดังนี้

อาจารย์พริ้มได้ร่วมอนุโมทนาและแสดงความดีใจ แก่บรรดาศิษย์ที่มีความประสงค์รวมตัวกันจัดตั้งสมาคมศิษย์เก่า นอกจากนี้ท่านได้บอกกับที่ประชุมว่า รู้สึกตื้นตันใจและมีความสุขที่ได้เห็นบรรดาศิษย์เก่าได้กลับมาร่วมกันถึงแม้จะมาไม่ครบทุกๆคน

ท่านอาจารย์ได้ย้อนความหลัง เมื่อสมัยที่มาปฎิบัติหน้าที่ใหม่ๆ เมื่อปี 2530 ครั้งนั้นท่านกล่าวว่าการเรียนการสอนภาษาไทย วัดลำปำ มีอุปสรรคหลายๆอย่าง นอกจากนี้แล้ว แรกๆที่มาทางชาวบ้านไม่ค่อยจะไว้วางใจในตัวท่าน ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาทั่วๆไปและเป็นธรรมดาที่บุคคลต่างถิ่นย่อมได้รับการปฎิบัติอย่างระแวง อย่างไรก็ตามหลังจากได้ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี ท่านก็ได้รับความเชื่อถือจากบรรดาชาวบ้าน

ส่วนเรื่องการเรียนการสอน อุปสรรคก็มี่ไม่น้อย นอกจากขาดทุนทรัพท์ในการดำเนินงานแล้ว ทางโรงเรียนวัดลำปำ ยังขาดแคลนในเรื่องอุปกรการเรียน และ โต๊ะที่นั่ง กระดาน

อย่างไรก็ตามปัญหาเหล่านั้นได้แก้ใขโดยการรวบรวมทุนทรัพย์จากรายได้ขายไอสกรีม (กาเล้ง) ภายในวัด ส่วนอุปกรการเรียนก็ได้จัดทำขึ้นมาเอง

ซึ่งต่อมาการเรียนการสอนได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับ จนถึงสามารถส่งนักเรียนไปสอบธรรมศึกษาที่สนามหลวง วัดนิโครธาราม นอกจากการเรียนการสอนภาษาไทย ทางโรงเรียนวัดลำปำสมัยนั้นได้จัดกิจกรรมหลายๆอย่างเช่น ประเพณีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ชักพระ สงกรานต์ ลอยกระทง ตลอดถึงงานบุญประจำปี


ส่วนเรื่องการจัดการบุคลากรนักเรียน ท่านกล่าวว่านักเรียนสมัยนั้นสามารถรวมตัวจัดกิจกรรมได้เนื่องจากท่านได้คัดเลือกหัวหน้าทีมดำเนินกิจการ โดยสมัยแรกๆ นายพลได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้า

สำหรับปัจจุบันท่านว่า สาเหตุหลักๆที่คุณภาพบุคคลากรวัดลำปำ เสื่อมลงก็เนื่องจาก ขาดผู้นำ ทั้งนี้ท่านได้ให้ข้อสังเกตุและยกตัวอย่างว่า เป็นเรื่องที่อันน่าเสียใจ ที่ลูกศิษย์ที่ท่านสอนมา ไม่มีใครสามารถรับหน้าที่เป็นอุบาสก ในการทำศาสนพิธีเมื่อมีงาน โดยหน้าที่นี้ได้มีนางแหรดทำหน้าที่ทุกๆที เหตุการเช่นนี้ท่านว่า บางที่ก็รู้สึกสะเทือนใจที่ทำไมผู้ชายไปในหมด จึงให้ผู้หญิงเป็นผู้นำในศาสนพิธีทุกๆครั้งไป

ส่วนเรื่องการจัดตั้งสมาคมนี้ ท่านหวังว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่วัดลำปำ จะได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เหมือนแต่ก่อน

หลังจากกล่าวเสร็จท่านได้เปิดโอกาส ให้นายหมิงซึ่งเป็นคนริเริ่มจัดโครงการนี้กล่าวแก่ที่ประชุม นายหมิงได้ย้ำจุดยืนอีกครั้งเกี่ยวการจัดตั้งสมาคมว่า ทางคณะศิษย์ไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านแตกแยก โดยยืนยันว่าโครงการนี้จะต้องทำขึ้นให้สำเร็จถึงแม้จะมีบุคคลบางกลุ่มในบ้านลำปำ ต่อต้าน

นอกจากนี้นายหมิงได้เสนอขึ้นมาเกี่ยวกับโครงการนัดพบ และ รวมตัวบรรดาคณะศิษย์อีกครั้ง โดยโครงการนี้จะจัดขึ้นวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2552 นี้

รายละเอียดคร่าวๆมีดังนี้

เวลา ประมาณ - 10.00 น คณะศิษย์รวมตัวกันทอดผ้าป่า

- 11.30 น ถวายสังฆทาน และ ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุ
- 14.00 น การประชุมจัดตั้งประธาน และ คณะกรรมการสมาคม
- 18.00 น งานเลี้ยงพบปะสังสรรศิษย์เก่า

สำหรับงานเลี้ยงได้เสนอไว้ว่า จะจัดขึ้นแบบโต๊ะจีน โดยจะเก็บค่าอาหาร ท่านละ ประมาณ RM30 – RM35 เงินดังกล่าวนี้หลังจากหักค่าอาหาร จะจัดเก็บเข้าบัญชีสมาคม เพื่อทำกิจการในคราวต่อไป

ต่อมาครูกุ้ล รัตนโชติ (นายกุ้ล) ได้บรรยายเกี่ยวกับระบบสมาคมให้แก่ที่ประชุมทราบ โดยสมาคมที่จะจัดตั้งนี้ มีรูปแบบคล้ายๆกับ สมาคมผู้ปกครอง และ ครู โรงเรียน (Persatuan Ibu Bapa dan Guru PIBG)

ระบบบริหารคือมีการดำเนินการอย่างถูกต้อง โดยทุกๆปีจะมีการประชุมแถลงเกี่ยวกับรายรับ และ รายจ่ายสมาคม ซึ่งตั้งแต่อดิตถึงปัจจุบันทางวัดไม่เคยนำระบบนี้มาใช้ ทั้งนี้จึงมีปัญหาเกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเบิกเงินทางวัด ที่เป็นเรื่องถกเทียงกัน และ เกตุข้อสงสัยกัน

นายกุ้ลกล่าวว่าปัจจุบันสังคมวัดไม่ทราบ รายละเอียดที่แน่นอนเกี่ยวกับการเงิน เพราะมีแต่กรรมการที่ถือเรื่องเพียงไม่กี่คน และไม่เคยแจ้งให้ชาวบ้านทราบ

ดังนั้นสมาคมที่จะจัดตั้งขึ้นมานี้ จะต้องมีการจัดการเป็นไปตามระบบ และ มีการบอกกล่าวในเรื่องการเงินอย่างละเอียด ซึ่งการใช้จ่ายแม้กระดาษแผ่นเดียวก็ต้องมีการบันทึก

ต่อมาท่านอาจารย์พริ้มได้เปิดโอกาสให้ นายเกี๋ยนกล่าวแก่ที่ประชุม นายเกี๋ยนกล่าวว่าตนร่วมดีใจด้วยเกี่ยวกับวัตถุประสงการจัดตั้งสมาคมนี้ อย่างไรก็ตามได้ตั้งข้อสังเกตุว่าการบริหารกิจการของวัดไม่ง่ายอย่างที่คิด

โดยนายเกี๋ยนบอกว่าตนไม่อยากทำหน้าที่แล้ว แต่เนื่องจากท่านพระอาจารย์ (พ่อเจ้า) ข้อร้องตนจึงทำหน้าที่ต่อไป นอกจากนี้นายเกี๋ยนได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวว่า การเรียกประชุมของคณะศิษย์เก่านี้มีข้อกังขาอยู่เล็กน้อง เนื่องจากการเรียกประชุมไม่ได้บอกวาระอย่างแน่ชัดแก่ทางบ้าน

สุดท้ายนายเกี๋ยนหวังว่าการจัดตั้งสมาคมนี้ เป็นไปอย่างลุล่วง โดยอย่าได้ทำแค่ตอนแรกๆ แต่ต่อมาไม่ดำเนินการต่อ นายเกี๋ยนได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับเรื่องอดิตว่าชาวบ้านลำปำไม่ค่อยร่วมมือกัน และคณะกรรมการวัดชุดๆก่อนๆไม่เคยดำเนินการอย่างได้โดยลุล่วง

ต่อมาท่านอาจารย์พริ้มได้กล่าวอีกว่า การที่ไม่มีความร่วมมือร่วมใจกัน ในหมู่ชาวบ้านก็เนื่องจากปัญหาสภาวะขาดผู้นำที่ดี ซึ่งผู้นำที่ดีนั้นจะต้องร่วมมือร่วมใจกับชาวบ้านและวัดประคับประคองกัน นอกจากนี้แล้วผู้ที่เป็นอาวุโส บางครั้งก็ต้องรับฟังข้อคิดเห็นของผู้น้อย

ท่านหวังว่าโครงการนี้จะจัดขึ้นโดยลุล่วงตามจุดประสงค์ ในคราวต่อไป

ต่อมานายพลได้สรุปแก่ที่ประชุมว่า ทางคณะศิษย์ไม่ต้องการจะแย่งหน้าที่ ที่ทางวัด และ ทางบ้านที่ได้จัดตั้งขึ้นมาอยู่แล้ว แต่ทางคณะศิษย์จะเป็นแค่หน่วยงานหนึงที่จะมาช่วยกิจกรรมของวัดในวาระต่อไป

สุดท้ายนายพลหวังว่าทางคณะศิษย์ได้กลับมารวมตัวอีกครั้ง ในวันที่ 27 มีนาคม 2552 นี้ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ สำหรับศิษย์เก่าที่ทำงานอยู่ที่ห่างไกล หวังว่าคงเตรียมลาหยุดงานสักวันสองวันมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

การประชุมสิ้นสุดลงเวลา 00.00น (เที่ยงคืน) ด้วยการกราบลาพระโดยการนำของอาจารย์พริ้ม

- โอภาส รัตนโชติ รายงาน

1 comments:

Anonymous said...

ใช้คำกับพระสงฆ์ คือ พระอาจารย์มหาพริม เมื่อพระอาจารย์ได้เป็นพระครูฯ ให้ใช้คำว่า พระครูอาจารย์ หรือ พระอาจารย์ก็ได้